วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

ความหมายและความสำคัญของซอฟต์แวร์

ความหมายและความสำคัญของซอฟต์แวร์ 
ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึงชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามลำดับขั้นตอนการทำงานที่เขียนขึ้นด้วยภาษาของคอมพิวเตอร์ คำสั่งเหล่านี้เรียงกันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จากที่ทราบมาแล้วว่าคอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่ง การทำงานพื้นฐานเป็นเพียงการกระทำกับข้อมูลที่เป็นตัวเลขฐานสอง ซึ่งใช้แทนข้อมูลที่เป็นตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ หรือแม้แต่เป็นเสียงพูดก็ได้ 
การที่เราเห็นคอมพิวเตอร์ทำงานให้กับเราได้อย่างหลากหลาย เพราะมีซอฟต์แวร์ต่างๆ ช่วยสนับสนุนการทำงานเหล่านั้น เช่น ร้านค้าอาจใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดทำบัญชีที่ยุ่งยากซับซ้อน บริษัทขายตั๋วเครื่องบินใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในระบบการจองตั๋ว ธนาคารใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจัดการข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย ครูและนักเรียนใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจัดพิมพ์เอกสาร ดังนั้นซอฟต์แวร์จึงหมายรวมถึง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกประเภทที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ 
การที่คอมพิวเตอร์ดำเนินการได้อย่างไรและก่อให้เกิดประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใดนั้นจึงขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์จึงเป็นส่วนสำคัญของระบบคอมพิวเตอร์ หากขาดซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถทำงานได้ ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก ซอฟต์แวร์เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้ระบบสารสนเทศเป็นไปได้ตามที่ต้องการ 

วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

สุนัข

หมา หรือคำสุภาพว่า สุนัข (ชื่อวิทยาศาสตร์ Canis lupus familiaris หรือ Canis familiaris)[2] เป็นสัตว์มีเขี้ยวชนิดเชื่องทีถูกคัดเลือกผสมพันธุ์มาเป็นเวลาพันปีจนมีพฤติกรรม การรับรู้ทางประสาทสัมผัส และลักษณะทางกายภาพที่หลากหลาย[3]
แม้ว่าเดิมทีจะคิดกันว่าหมามีต้นกำเนิดจากสายพันธุ์สัตว์มีเขี้ยวที่หลากหลาย (บ้างมองว่าเป็นหมาใน[4] หมาจิ้งจอกทอง[5] และหมาป่า[6]) มีการศึกษาทางพันธุศาสตร์เพิ่มเติมในคริสต์ทศวรรษ 2010 ชี้ว่าหมาเริ่มแตกต่างจากสัตว์มีเขี้ยวคล้ายหมาป่าในยูเรเชียเมื่อ 40,000 ปีที่แล้ว[7] เนื่องจากเป็นสัตว์เชื่องที่เก่าแก่ที่สุด การอยู่ร่วมกับมนุษย์มาเป็นเวลานานทำให้หมามีพฤติกรรมที่ปรับเข้ากับมนุษย์ได้ดี รวมถึงสามารถเติบโตได้โดยกินอาหารประเภทแป้งซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อสัตว์มีเขี้ยวชนิดอื่น[8]

กระต่าย


กระต่าย (อังกฤษRabbit) เป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีกระดูกสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอันดับกระต่าย (Lagomorpha) ในวงศ์ Leporidae
กระต่ายแม้จะมีฟันแทะเหมือนกับสัตว์ฟันแทะ (Rodentia) แต่ถูกจัดออกมาเป็นอันดับต่างหาก เนื่องมีจำนวนฟันที่ไม่เท่ากัน เพราะกระต่ายมีฟันแทะที่ขากรรไกรบน 2 แถว เรียงซ้อนกันแถวละ 2 ซี่ ฟันกรามบนข้างละ 6 ซี่ และฟันกรามล่างข้างละ 5 ซี่ เมื่อเวลาเคี้ยวอาหาร กระต่ายจะใช้ฟันทั้ง 2 ด้านเคี้ยวสลับกันไป ต่างจากสัตว์ฟันแทะโดยทั่วไปที่เคี้ยวเคลื่อนหน้าเคลื่อนหลัง ซึ่งสามารถเขียนเป็นสูตรได้ว่า 
กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็ก มีขนปุกปุยทั่วลำตัว มีหางกลมสั้น มีใบหูยาวเมื่อเทียบกับสัตว์อื่น ซึ่งวิวัฒนาการมาใช้สำหรับฟังเสียงได้เป็นอย่างดี และยังมีประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นที่ดีมาก กระต่ายมีขาหน้าที่มี 5 นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว มีสะโพกที่ยาวและทรงพลัง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ จึงสามารถกระโดดได้เป็นอย่างดี เคยมีการประกวดการกระโดดของกระต่ายที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ กระต่ายตัวที่กระโดดได้สูงที่สุดกระโดดได้สูงถึง 99.5 เซนติเมตรเลยทีเดียว[1] ใต้ฝ่าตีนของกระต่ายมีขนนุ่ม ๆ รองรับอยู่ เพื่อมิให้เกิดเสียงเมื่อเคลื่อนไหว กระต่ายเป็นสัตว์ที่ตื่นตกใจง่ายและมีความว่องไวปราดเปรียวมากในการระแวดระวังภัย นอกจากนี้แล้วตาของกระต่ายยังมีหนังตาหรือเปลือกตาถึง 3 ชั้นด้วยกัน[2] ดวงตาของกระต่ายมีลักษณะกลมโต ทำให้กระต่ายสามารถเหลือบมองภาพด้านหลังได้โดยที่ไม่ต้องหันหัวเลย กระต่ายจัดเป็นสัตว์ที่มีระบบการมองเห็นที่ดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น ๆ มาก แต่กระต่ายสามารถมองเห็นสีได้เพียงแค่ 2 สีเท่านั้น คือ สีเขียวและสีน้ำเงิน และจะยิ่งมองได้ชัดเจนขึ้นเมื่ออยู่ในที่มืด [1]
กระต่ายเป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารเท่านั้น ต่างจากสัตว์ฟันแทะที่กินได้ทั้งเนื้อและพืช อาหารของกระต่ายได้แก่ หญ้าและพืชผักชนิดต่าง ๆ อายุขัยโดยเฉลี่ยของกระต่ายจะอยู่ที่ 2-3 ปี หรือเต็มที่ก็ 5-10 ปี นับเป็นสัตว์ที่สืบพันธุ์เร็วมาก โดยปีหนึ่ง ๆ กระต่ายสามารถออกลูกได้ถึง 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 2-3 ตัว กระต่ายในธรรมชาติ มักอาศัยอยู่ในที่ราบโล่งที่เป็นทุ่งหญ้ามากกว่าป่าทึบ โดยขุดโพรงใต้ดินเป็นรังและที่อยู่อาศัย ลูกกระต่ายป่าในธรรมชาติ เมื่อแรกเกิดจะลืมตา และในวันรุ่งขึ้นก็สามารถวิ่งและกระโดดได้เลย เมื่อกระต่ายตัวเมียจะคลอดลูก จะแยกออกจากรังเดิมไปขุดรังใหม่ เพื่อป้องกันลูกอ่อนจากกระต่ายตัวผู้ ซึ่งอาจฆ่าลูกกระต่ายเกิดใหม่ได้ โดยจะกัดขนตัวเองเพื่อปูรองรับลูกใหม่ที่จะเกิดขึ้นมา นอกจากนี้แล้วตามธรรมชาติของกระต่าย ไม่ว่าจะเป็นกระต่ายป่าหรือกระต่ายบ้าน จะมีพฤติกรรมกินมูลของตัวเองที่ขับถ่ายออกมา มูลลักษณะนี้ถูกเรียกว่า "มูลพวงองุ่น" เป็นมูลซึ่งยังมีสารอาหารอยู่ ที่กระต่ายไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมสารอาหารไปได้หมด จึงต้องกินเข้าไปในร่างกายอีกครั้งเพื่อดูดซึมสารอาหารให้หมด [1]
กระต่ายกระจายพันธุ์ไปในทุกภูมิภาคทั่วโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งเขตอาร์กติก ยกเว้นโอเชียเนียและทวีปออสเตรเลีย ในประเทศไทยพบกระต่ายที่เป็นกระต่ายสายพันธุ์ที่มีอยู่ในธรรมชาติเพียงชนิดเดียว คือ กระต่ายป่า (Lepus peguensis[3]
กระต่ายโดยธรรมชาติ เป็นสัตว์ที่อยู่สุดปลายของห่วงโซ่อาหาร ด้วยเป็นอาหารของสัตว์กินเนื้อชนิดต่าง ๆ เช่น หมาป่าหมาจิ้งจอกแมวป่าเสือชนิดต่าง ๆ, หมาในชะมดเพียงพอน รวมถึงงูขนาดใหญ่ด้วย เช่น งูหลามและงูเหลือม [4]
กระต่ายเป็นสัตว์ที่ผูกพันกับมนุษย์มาเป็นเวลานาน ด้วยการเป็นสัตว์ที่ถูกล่าเพื่อเป็นอาหารและเกมกีฬาโดยเฉพาะในแถบทวีปยุโรป ในเชิงวัฒนธรรมและความเชื่อ ชาวตะวันตกเชื่อว่า การพกตีนกระต่ายจะนำมาซึ่งโชคดี ความเชื่อนี้เชื่อกันอย่างมากโดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ เชื่อว่า หากพกตีนกระต่ายที่เป็นตีนของขาหลังด้านซ้าย และหากคนที่ฆ่ากระต่ายตัวนั้นเป็นคนตาเหล่ หรือจับกระต่ายตัวนั้นได้ในสุสานหรือในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง หรือคืนวันศุกร์ที่ 13 ก็จะยิ่งช่วยให้โชคดียิ่งขึ้น [1]
มาชิมาโร่ ตัวการ์ตูนที่เป็นกระต่ายของเกาหลีใต้
ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า กระต่ายเป็นเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ มีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ เป็นสัตว์เลี้ยงของฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ การมอบรูปลักษณ์ของกระต่ายจึงถือเป็นการมอบความปรารถนาให้โชควาสนาให้แก่กัน[5]
นอกจากนี้แล้วในทางโหราศาสตร์ กระต่ายยังเป็นตัวแทนของนักษัตรลำดับที่ 4 คือ ปีเถาะ ที่ใช้สัญลักษณ์เป็นกระต่าย [6]
กระต่ายยุโรป ที่เป็นต้นสายพันธุ์ของกระต่ายบ้านที่นิยมเลี้ยงกันในปัจจุบัน
และยังได้กลายมาเป็นต้นแบบของตัวการ์ตูนหลากหลายตัว เช่น โรเจอร์ แรบบิทบักส์ บันนี ที่ได้ต้นแบบมาจากกระต่ายป่าที่ปราดเปรียว หรือมาชิมาโร่ ของเกาหลีใต้ที่เป็นสื่อเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต [7] โดยตัวละครการ์ตูนกระต่ายตัวแรกของโลก มีชื่อว่า "ออสวอลด์" ปรากฏตัวในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Oswald the Lucky Rabbit เมื่อปี ค.ศ. 1927 จากการสร้างสรรค์ของวอลต์ ดิสนีย์[1]
ในปัจจุบัน กระต่ายได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ทั้งในแง่ของการเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงาม และสัตว์เศรษฐกิจเพื่อรับประทานเนื้อ โดยกระต่ายชนิดที่นำมาพัฒนาสายพันธุ์จนเป็นสัตว์เลี้ยงนั้น โดยมากจะเป็นชนิด กระต่ายยุโรป (Oryctolagus cuniculus) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในทวีปยุโรป[8] ซึ่งกระต่ายสายพันธุ์สวยงามนั้นก็มีด้วยกันหลากหลายมากมาย โดยมีขนาดแตกต่างกันออกไปตามขนาดและลักษณะลำตัว เช่น เนเธอร์แลนด์ดวอฟโปลิชฮอลแลนด์ลอป ซึ่งเป็นกระต่ายขนาดเล็ก และอิงลิชลอป ที่เป็นกระต่ายขนาดใหญ่ เป็นต้น โดยมีองค์กรที่ทำการรองรับและจัดมาตรฐานสายพันธุ์กระต่ายในระดับสากล คือ สมาคมผู้พัฒนาสายพันธุ์กระต่ายแห่งสหรัฐอเมริกา (ARBA) กระต่ายสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ คอนทิเนนทัล ไจแอนท์ ที่เมื่อโตเต็มที่แล้วมีน้ำหนักมากได้ถึง 20 กิโลกรัม และมีขนาดพอ ๆ กับสุนัขขนาดกลางตัวหนึ่ง และสถิติกระต่ายที่มีอายุยืนที่สุดในโลก คือ 16 ปี 14 วัน เป็นกระต่ายสายพันธุ์เจอร์ซี วูลลี ที่เป็นกระต่ายสายพันธุ์ขนยาว ชื่อ "ดู" 

แมว


แมว (ชื่อวิทยาศาสตร์Felis catus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่ในตระกูล Felidae ต้นตระกูลมาจากเสือไซบีเรีย (Felis tigris altaica) ซึ่งมีช่วงลำตัวตั้งแต่จมูกถึงปลายหางยาวประมาณ 4 เมตร แมวที่เลี้ยงตามบ้าน จะมีรูปร่างขนาดเล็ก ขนาดลำตัวยาว ช่วงขาสั้นและจัดอยู่ในกลุ่มของประเภทสัตว์กินเนื้อ มีเขี้ยวและเล็บแหลมคมสามารถหดซ่อนเล็บได้เช่นเดียวกับเสือ สืบสายเลือดมาจากแมวป่าที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งลักษณะบางอย่างของแมวยังคงพบเห็นได้ในแมวบ้านปัจจุบัน
แมวเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เมื่อประมาณ 9500 ปีก่อน [5] ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของแมวคือการทำมัมมี่แมวที่พบในสมัยอียิปต์โบราญ หรือในพิพิธภัณฑ์อังกฤษในลอนดอน มีการแสดงสมบัติที่นำออกมาจากพีระมิดโบราณแห่งอียิปต์ ซึ่งรวมถึงมัมมี่เหมียวหลายตัว ซึ่งเมื่อนำเอาผ้าพันมัมมี่ออกก็พบว่า แมวในสมัยโบราณทุกตัวมีลักษณะใกล้เคียงกัน คือเป็นแมวที่มีรูปร่างเล็ก ขนสั้นมีแต้มสีน้ำตาล มีความคล้ายคลึงกับพันธุ์ในปัจจุบัน ที่เรียกว่าแมวอะบิสซิเนีย

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การทำแผ่นพับอย่างง่ายโดยใช้โปรแกรม Microsoft Word

Flowchart เกี่ยวกับการตัดสินเกรด

ให้นักเรียนเขียนแผนผัง (Flowchart) การคำนวณเกรดวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 คน โดยกำหนดให้คะแนนเต็มในการเก็บคะแนนและการสอบทั้งหมดของวิชานี้คือ 100 คะแนน กฏในการให้เกรดคือ
-นักเรียนที่ได้คะแนนตั้งแต่ 80 ขึ้นไปได้เกรด 4
-นักเรียนที่ได้คะแนนระหว่าง 70-79 คะแนนได้เกรด 3
-นักเรียนที่ได้คะแนนระหว่าง 60-69 คะแนนได้เกรด 2
-นักเรียนที่ได้คะแนนระหว่าง 50-59 คะแนนได้เกรด 1 
-นักเรียนที่ได้คะแนนระหว่าง  50 คะแนนได้เกรด 0

จากโจทย์ สามารถนำไปเขียนเป็นแผนผัง Flowchart ได้ดังนี้

สัญลักษณ์ Flowchart

การทำงานด้วยมือ (manual operation)แทนจุดที่มีการทำงานด้วยแรงคน
การนำข้อมูลเข้า-ออกโดยทั่วไป (general input/output)แทนจุดที่จะนำข้อมูลเข้าหรือออกจากระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ระบุชนิดของอุปกรณ์
แถบบันทึกข้อมูล (magnetic tape)แทนจุดที่นำข้อมูลเข้าหรือออกจากโปรแกรมด้วยแผ่นบันทึกข้อมูล
จานบันทึกข้อมูล (magnetic tape)แทนจุดที่นำข้อมูลเข้าหรือออกจากโปรแกรมด้วยจานบันทึกข้อมูล
การนำข้อมูลเข้าด้วยมือ (manual input)แทนจุดที่นำข้อมูลเข้าด้วยมือ
การแสดงข้อมูล (display)แทนจุดที่แสดงข้อมูลด้วยจอภาพ
การทำเอกสาร (documentation)แทนจุดที่มีข้อมูลเป็นเอกสารหรือแสดงข้อมูลด้วยเครื่องพิมพ์
การตัดสินใจ (decision)แทนจุดที่ต้องเลือกปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
การปฏิบัติงาน (process)แทนจุดที่มีการปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่ง
การเตรียมการ (preparation)แทนจุดกำหนดชื่อข้อมูลหรือค่าเริ่มต้นต่างๆ
การเรียกโปรแกรมภายนอก (external subroutine)แทนจุดเรียกใช้โปรแกรมย่อยที่ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมนั้น
การเรียกโปรแกรมภายใน (internal subroutine)แทนจุดเรียกใช้โปรแกรมย่อยที่อยู่ในโปรแกรมนั้น
การเรียงข้อมูล (sort)แทนจุดที่มีการเรียงข้อมูลใหม่ตามข้อกำหนด
ทิศทาง (flow line)แทนทิศทางขั้นตอนการดำเนินงานซึ่จะปฏิบัติต่อเนื่องกันตามหัวลูกศรชี้
หมายเหตุ (annotation)แทนจุดที่แสดงรายละเอียดเพิ่มเติมหรือหมายเหตุของจุดต่างๆ ที่แสดงในผังงานด้วยสัญลักษณ์ไม่ชัดเจน
การติดต่อทางไกล (communication link)แทนช่วงที่มีการติดต่อหรือย้ายข้อมูลด้วยระบบการติดต่อทางไกล
จุดเชื่อมต่อ (connector)แทนจุดเชื่อมต่อของผังงานเมื่อใช้สัญญลักษณ์เพื่อให้ดูง่าย
จุดเชื่อมต่อหน้ากระดาษ (off page connector)แทนจุดเชื่อมต่อของผังงานที่อยู่คนละหน้ากระดาษ
เริ่มต้นและลงท้าย (terminal)แทนจุดเริ่มต้นและลงท้ายของผังงานของโปรแกรมหลักและโปรแกรมย่อย